โรคอ้วน ภัยเงียบที่คุณต้องรู้ก่อนสายเกินแก้
โรคอ้วน ภัยเงียบที่คุณต้องรู้ก่อนสายเกินแก้ ดีกว่าที่เราจะป้องกันการเกิดโรค ด้วยการป้องกันโรคอ้วน ไม่อย่างนั้นแล้ว อาจจะมีโรคตามมาอีกหลายโรค
โรคอ้วน ภัยเงียบที่คุณต้องรู้ก่อนสายเกินแก้ Read More »
โรคอ้วน ภัยเงียบที่คุณต้องรู้ก่อนสายเกินแก้ ดีกว่าที่เราจะป้องกันการเกิดโรค ด้วยการป้องกันโรคอ้วน ไม่อย่างนั้นแล้ว อาจจะมีโรคตามมาอีกหลายโรค
โรคอ้วน ภัยเงียบที่คุณต้องรู้ก่อนสายเกินแก้ Read More »
อาหารแก้ออฟฟิศซินโดรม: กินอะไรให้ห่างไกลอาการปวดเมื่อย ออฟฟิศซินโดรม เป็นปัญหาที่พบบ่อยในกลุ่มคนทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดเมื่อยคอ บ่า ไหล่ หลัง และข้อมือ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การจัดท่าทางให้ถูกต้องขณะทำงาน การพักผ่อนที่เพียงพอ และการออกกำลังกายแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการบรรเทาอาการและป้องกันออฟฟิศซินโดรมได้ บทความนี้จะแนะนำอาหารที่ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นประสาท เพื่อให้ห่างไกลจากอาการปวดเมื่อยที่เกิดจาก ออฟฟิศซินโดรม ทำไมอาหารจึงสำคัญต่อการแก้ ออฟฟิศซินโดรม? อาการปวดเมื่อยจากออฟฟิศซินโดรมส่วนใหญ่เกิดจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ตึงเครียด อักเสบ หรือใช้งานหนัก การได้รับสารอาหารที่เหมาะสมจะช่วย: ลดการอักเสบ: สารอาหารบางชนิดมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการปวดและบวมที่เกิดจากออฟฟิศซินโดรม ซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ: โปรตีนและสารอาหารอื่นๆ ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สึกหรอจากการทำงานในท่าเดิมๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของออฟฟิศซินโดรม บำรุงกระดูกและข้อต่อ: แคลเซียมและวิตามินดีช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและข้อต่อ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการป้องกันอาการปวดเมื่อยจากออฟฟิศซินโดรม บำรุงระบบประสาท: วิตามินบีและสารอาหารอื่นๆ ช่วยบำรุงระบบประสาทและลดอาการชา ซึ่งอาจเกิดจากออฟฟิศซินโดรม อาหารแนะนำสำหรับแก้ออฟฟิศซินโดรม ปลาที่มีไขมันดี (เช่น แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล): อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อที่เกิดจากออฟฟิศซินโดรม ถั่วและเมล็ดพืช
อาหารแก้ออฟฟิศซินโดรม: กินอะไรให้ห่างไกลอาการปวดเมื่อย Read More »
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ อาหารเบาหวาน สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากการทำงานของอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่นำน้ำตาลจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกาย เพื่อใช้เป็นพลังงาน เกิดความผิดปกติ การควบคุมอาหารจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการโรคเบาหวาน เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ อาหารเบาหวาน จะช่วย เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต โรคเกี่ยวกับเส้นประสาท และปัญหาเกี่ยวกับสายตา และเพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บทความนี้จะให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอาหารเบาหวาน เพื่อให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจและสามารถเลือกรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสม หลักการสำคัญของ อาหารเบาหวาน คือ การควบคุมปริมาณและชนิดของคาร์โบไฮเดรตที่รับประทานในแต่ละมื้อ เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารที่ส่งผลโดยตรงต่อระดับน้ำตาลในเลือด โดยจะถูกย่อยเป็นกลูโคสและเข้าสู่กระแสเลือด ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรให้ความสำคัญกับสิ่งต่อไปนี้: ชนิดของคาร์โบไฮเดรต: ควรเลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งมีใยอาหารสูงและถูกย่อยช้า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ดีกว่า เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ธัญพืชเต็มเมล็ด (เช่น ข้าวบาร์เลย์ ควินัว) ผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมหวาน ขนมปังขาว ซึ่งถูกย่อยเร็วและทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ปริมาณคาร์โบไฮเดรต: ควรควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรตในแต่ละมื้อให้เหมาะสม โดยปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อกำหนดปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ อาหารเบาหวาน สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน Read More »
อาหารแนะนำสำหรับผู้ที่ท้องผูกบ่อย ผลไม้เป็นแหล่งอาหารที่มีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหา ท้องผูกบ่อย เนื่องจากผลไม้ส่วนใหญ่มีกากใยอาหารสูง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระ ทำให้อุจจาระนิ่ม และเคลื่อนตัวได้ง่าย นอกจากกากใยแล้ว ผลไม้บางชนิดยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่ช่วยส่งเสริมการขับถ่ายที่ดีอีกด้วย ผมขอแนะนำผลไม้ที่เหมาะสำหรับคนท้องผูกดังนี้ครับ: ผักใบเขียว: ผักใบเขียว เช่น ผักบุ้ง คะน้า ตำลึง บรอกโคลี ผักกาดขาว มีกากใยสูง วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ควรรับประทานผักใบเขียวอย่างน้อยวันละ 1-2 ถ้วย ผลไม้: ผลไม้หลายชนิดมีกากใยสูงและช่วยในการขับถ่าย เช่น มะละกอสุก: มีเอนไซม์ปาเปน (Papain) ช่วยย่อยโปรตีน และมีกากใยสูง กล้วย: มีกากใยและโพแทสเซียม ช่วยควบคุมการทำงานของลำไส้ ส้ม: มีวิตามินซีและกากใยสูง แก้วมังกร: มีกากใยสูงและมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ แอปเปิล: มีเพกทิน (Pectin) ซึ่งเป็นกากใยชนิดละลายน้ำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้อุจจาระ ลูกพรุน: มีกากใยสูงและมีสารซอร์บิทอล (Sorbitol) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ธัญพืชไม่ขัดสี: ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง
อาหารแนะนำสำหรับผู้ที่ ท้องผูกบ่อย Read More »
ท้องผูก ต้องทำอย่างไร และกินอะไรดี? อาการ ท้องผูก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย สร้างความรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการท้องผูก สาเหตุ วิธีแก้ไข และอาหารที่ควรรับประทาน เพื่อช่วยบรรเทาและป้องกันอาการท้องผูกอย่างมีประสิทธิภาพ เรามา สุขภาพดีไปพร้อมกันนะ ^^ อาการท้องผูก หมายถึง ภาวะที่ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ อุจจาระมีลักษณะแข็ง แห้ง หรือถ่ายลำบาก ต้องเบ่งมาก หรือรู้สึกถ่ายไม่สุด อาการท้องผูกไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบขับถ่าย ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิตประจำวัน หรือโรคบางชนิด การเข้าใจถึงสาเหตุและวิธีการแก้ไขที่ถูกต้อง จะช่วยให้เราสามารถจัดการกับอาการท้องผูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเรื้อรัง ได้ สาเหตุของอาการท้องผูก อาการท้องผูกสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย: ใยอาหารเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย เช่น อาหารแปรรูป อาหารจานด่วน เนื้อสัตว์ในปริมาณมาก จะทำให้อุจจาระแข็งและเคลื่อนตัวได้ยาก ทั้งนี้ หากเราไม่ได้ทานอาหารที่มีกากใยในรูปแบบปกติ แต่ว่า ไปซื้อไฟเบอร์มารับประทาน อาจจะทำให้ถ่ายยากกว่าเดิม
ท้องผูก ต้องทำอย่างไร และกินอะไรดี? Read More »
IF ดีต่อสุขภาพ และลดน้ำหนัก จริงเหรอ? IF คืออะไร ? IF หรือ Intermittent Fasting คือ รูปแบบการควบคุมอาหารแบบหนึ่ง โดยการกำหนดช่วงเวลาสำหรับการอดอาหารและช่วงเวลาที่ได้รับประทานอาหาร วิธีการทำ IF ที่นิยมมีดังนี้ 16:8 คือ อดอาหาร 16 ชั่วโมง และรับประทานอาหารในช่วง 8 ชั่วโมงที่เหลือ เช่น ไม่รับประทานอาหารตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันนึง จนถึง 12.00 น. ของวันรุ่งขึ้น 5:2 คือ รับประทานปกติ 5 วัน และจำกัดพลังงานวันละไม่เกิน 600 แคลอรีสำหรับหญิง หรือ 800 แคลอรีสำหรับชาย ในอีก 2 วันที่เหลือ อดอาหารต่อเนื่อง 24 ชม. เช่น ไม่รับประทานอะไรเลยในหนึ่งวัน แล้วกลับมารับประทานปกติในวันรุ่งขึ้น การทำ IF
IF ดีต่อสุขภาพ และลดน้ำหนัก จริงเหรอ? Read More »
อาหารบำบัด สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน การรับประทานอาหาร สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรจะ มีการปฏิบัติตามข้อต่างๆ ดังนี้ จะช่วย เรื่องการควบคุมน้ำตาล และทำให้ ระดับน้ำตาล ดีขึ้นได้ รับประทานอาหารให้ตรงเวลา แลครบทุกมื้อ(มื้อเย็นควรรับประทานก่อน 18.00 น.) การงดอาหาร ในมื้อใดมื้อหนึ่ง อาจทำให้เกิดภาว:น้ำตาลในเลือดต่ำได้ เลือกรับประทานอาหารที่หุงต้มด้วยวิธี ต้ม ตุ๋น นึ่ง อบ หรือผัดแบบน้ำมันน้อย ควรเลือกรับประทานโปรตีน จากปลาทะเล เต้าหู้ ไข่ขาว เป็นประจำ ควบคุมปริมาณการรับประทานอาหารประเภท ผลไม้ ข้าว แป้ง เพราะถ้ารับประทานมากเกิน จะเพิ่ม ระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มการรับประทนผัดให้มากขึ้นทุกมื้อ เพื่อเพิ่มกากใยในการช่วยลดน้ำตาลและไขมันในเลือด โดยเน้นผักประเภทใบ ส่วนผักประเภทหัวควรควบคุมปริมาณ ดื่มนมขาดมันเนยหรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เป็นประจำ 1-2 แก้วหรือถ้วย/วัน เพื่อให้ร่างกายได้รับ แคลเซียมที่เพียงพอ ควรใช้น้ำมันพืชชนิดกรดไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated fatty acid) ในการปรุงประกอบอาหาร เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก
อาหารบำบัด สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน Read More »
อาหารบำบัดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ควรควบคุมการปรงรสเค็มในอาหาร เน้นการปรงรสอ่อนๆ และหลีกเลี่ยงการเติมเครื่องปรุงรสเพิ่ม ในขณะรับประทานเช่น น้ำปลา เกลือ ซีอิ้ว ซอสปรุงรส รับประทานอาหารที่มีโขมันหรือน้ำมันน้อย เลือกการหุงต้มอาหารแบบ ต้ม ตุ๋น นึ่ง อบ ยำหรือผัด น้ำมันน้อย ควรใช้น้ำมันพืชชนิดกรดไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated fatty acid) ในการประกอบอาหาร เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง(ในปริมาณวันละ 5-7 ช้อนชา) เน้นการรับประทานเต้าหู้และเนื้อปลาบ่อยๆ โดยเฉพาะปลาทะเล เช่น ปลาทู ปลาซาบ: ปลาโอ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน จะช่วยในการเพิ่มไขมันดีในเลือด (HDL) และลดระดับไขมันไม่ดีในเลือด (LDL, Triglyceride) รับประทานผักและผลไม้ไม่หวานจัดเป็นประจำทุกมื้อและให้หลากหลาย หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านกรรมวิธีการถนอมอาหารหรือแปรรูป รวมทั้งอาหารหมักดองทั้งหลาย เพราะจะมีปริมาณของเกลือหรือโซเดียมสูง เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม ผักดอง อาหารกระป๋อง หรือผัก ผลไม้ที่แปรรูป หากมีความจำเป็นต้องซื้ออาหารสำเร็จรูป ควรอ่านฉลากที่ติดมากับอาหารก่อน
อาหารบำบัดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง Read More »
การดูแลตัวเอง สำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์ โรคเกาต์ เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่ง เกิดจากการมีกรดยูริคในเลือดสูงซึ่งเป็นผลจากพันธุกรรม และกาวแวดล้อม ส่งผลให้เกิดการสะสมภายในข้อต่างๆ ของร่างกาย ก่อให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน สาเหตุที่กรดยูริคสูงขึ้นนั้น อาจเป็นผลมาจากไต ไม่สามารถขับกรดยูริคได้ตามปกติ โดยอาจเป็น ปัจจัยทางพันธุกรรม ตเสื่อมหรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรับประทานอาหารที่มีสารผิวรีสูง โดยพิวรีนถูกเผาผลาญให้กลายเป็นกรดยูริคในเลือด มีโรคหรือภาวะที่ผิดปกติของร่างกาย ทำให้เกิด การสลายตัวของเชลล์และอวัยวะที่ผิดปกติ ผู้ชาย ควรมีกรดยูริคในเลือดน้อยกว่า 7 มิลลิกรัม/เดชิลิตร ผู้หญิงควรมีกรดยูริคในเลือด น้อยกว่า 6 มิลลิกรัม/เดซิลิตร การควบคุมอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์ การควบคุมอาหาร โดยงดอาหารที่เป็นสาเหตุ และการรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง จะมีส่วนสำคัญ ที่จะช่วยให้ลดอาการ และทำให้มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข อาหารที่ควรงด ได้แก่ งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เด็ดขาด เช่น เหล้า เบียร์ เพราะเอลกอฮอล์ทำให้ยูริคสูงขึ้น งดอาหารที่มีพิวรีนสูง ไม่รับประทานอาหารมันมาก เช่น อาหารที่ทอดอมน้ำมันมาก เนื้อสัตว์ติดมัน เพราะไขมันทำให้ ร่างกายขับยูริคได้น้อยลง นมถั่วเหลืองชนิดเข้มข้นวันละ 1 ลิตร
การดูแลตัวเอง สำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์ Read More »
โภชนบำบัดสำหรับ ผู้ที่มีภาวะ ไขมันในเลือดสูง อาหารบำบัดภาวะไขมันในเลือดสูง แล้วถ้าเรามีไขมันในเลือดสูง จะต้องทำอย่างไรดี รับประทานอาหารที่มีไขมันหรือน้ำมันน้อย เลือกการปรุงอาหารแบบ ต้ม ตุ๋น นึ่ง อบ ยำ หรือผัด น้ำมันน้อย ควรใช้น้ำมันพืชชนิดกรดไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated fatty acid) ในการประกอบอาหาร เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง (ในปริมาณวันละ 5-7 ช้อนชา) เน้นการรับประทานเต้าหู้และเนื้อปลาบ่อยๆ โดยเฉพาะปลาทะเล เช่น ปลาทู ปลาซาบะ ปลาโอ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เพราะมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง รับประทานผักและผลไม้ไม่หวานจัดเป็นประจำทุกมื้อและให้หลากหลาย (ผักและผลไม้ไม่ควรน้อยกว่า 400 กรัม/วัน) หลีกเลี่ยงน้ำมันชนิดกรดไขมันชนิดอิ่มตัวสูง (saturated fatty acid) เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมัน มะพร้าว กะทิ น้ำมันหมู, ไก่ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมัน ติดหนัง และอาหารที่มีไขมันสูง เช่น
โภชนบำบัดสำหรับ ผู้ที่มีภาวะ ไขมันในเลือดสูง Read More »