อาหารบำบัด สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
การรับประทานอาหาร สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรจะ มีการปฏิบัติตามข้อต่างๆ ดังนี้ จะช่วย เรื่องการควบคุมน้ำตาล และทำให้ ระดับน้ำตาล ดีขึ้นได้
- รับประทานอาหารให้ตรงเวลา แลครบทุกมื้อ(มื้อเย็นควรรับประทานก่อน 18.00 น.) การงดอาหาร
ในมื้อใดมื้อหนึ่ง อาจทำให้เกิดภาว:น้ำตาลในเลือดต่ำได้ - เลือกรับประทานอาหารที่หุงต้มด้วยวิธี ต้ม ตุ๋น นึ่ง อบ หรือผัดแบบน้ำมันน้อย
- ควรเลือกรับประทานโปรตีน จากปลาทะเล เต้าหู้ ไข่ขาว เป็นประจำ
- ควบคุมปริมาณการรับประทานอาหารประเภท ผลไม้ ข้าว แป้ง เพราะถ้ารับประทานมากเกิน จะเพิ่ม
ระดับน้ำตาลในเลือด - เพิ่มการรับประทนผัดให้มากขึ้นทุกมื้อ เพื่อเพิ่มกากใยในการช่วยลดน้ำตาลและไขมันในเลือด
โดยเน้นผักประเภทใบ ส่วนผักประเภทหัวควรควบคุมปริมาณ - ดื่มนมขาดมันเนยหรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เป็นประจำ 1-2 แก้วหรือถ้วย/วัน เพื่อให้ร่างกายได้รับ
แคลเซียมที่เพียงพอ - ควรใช้น้ำมันพืชชนิดกรดไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated fatty acid) ในการปรุงประกอบอาหาร
เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน (เหมาะสำหรับ
การผัด) - หากต้องการรสหวานในอาหาร ควรใช้สารให้ความหวาน(น้ำตาลเทียม)แทน
- หากซื้ออาหารสำเร็จรูปรับประทาน ควรอ่านฉลากก่อนการซื้อ ถ้ามีปริมาณน้ำตาล หรือ โซเดียมสูง
ควรหลีกเลี่ยง - ควรหลีกเลี้ยงการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวานต่างๆ ทองหยิบ ทองหยอด
ฝอยทอง เค้ก คุ้กกี้ ผลไม้แห้งหรือเชื่อมต่างๆ - หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม
น้ำหวานต่างๆ นมเปรี้ยว นมปรุงแต่งรส น้ำผลม้ ชาเย็น กาแฟเย็น หรือ เครื่องดื่มสำเร็จรูปที่มี
น้ำตาลเป็นส่วนผสม - หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีปริมาณ ไขมันอิ่มตัวสูง เช่น กะทิ เนื้อสัตว์ติดมัน น้ำมันปาล์ม
น้ำมันมะพร้าว อาหารที่โคเลสเตอรอลสูง เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ ปลาหมึก หอย ปู และอาหารที่
มีไขมันทรานซ์ เช่น เบเกอรี่ต่างๆ ขนมขบเคี้ยว อาหารทอด - ควรหลีกเลี่ยงการรับประานอาหารที่มีรสเค็ม หรือปริมาณซเดียมสูง เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม อาหาร
หมักดอง และควรงดการปรุงเพิ่มในระหว่างที่รับประทานอาหาร - ควรออกกำลังกาย 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที อาจจะเป็นการเดิน ก็ได้
- ควรควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ( BMI = 18.5-22.9)